เมื่อสำรวจตัวเลขการใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เราพบว่ามีแนวโน้มที่ตลอดเวลาที่ค่าไฟฟ้ามีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี นี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ การใช้ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตประจำวัน เพื่อให้ชีวิตของเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น แต่ความสะดวกนี้กลับมาพร้อมกับบิลค่าไฟที่ถึงกับทำให้เราต้องคิดหนักใจในบทความนี้เราจะสำรวจสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟฟ้าถึงขึ้นแบบนี้ และดูว่าปัจจุบันมีการปรับขึ้นค่าไฟเท่าไหร่ นอกจากนี้ เราจะรู้จักกับค่า FT และวิธีที่เราสามารถคำนวณและลดค่าไฟฟ้าให้เหมาะสมในปี 2566
องค์ประกอบของค่าไฟ มีอะไรบ้าง?
องค์ประกอบของค่าไฟฟ้าในประเทศไทยในปัจจุบัน มี 4 ส่วนหลัก ได้แก่
- ค่าไฟฟ้าฐาน (Fixed Charge) คิดจากต้นทุนในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ระบบสายส่ง ระบบจำหน่าย และค่าการผลิตพลังงานไฟฟ้า ภายใต้สมมุติฐานความต้องการใช้ไฟฟ้า ราคาเชื้อเพลิง อัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อ ระดับหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบตามประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าดังนี้
- ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy:หน่วย)
- ค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (Demand:กิโลวัตต์)
- ค่าบริการ (Service Charge:บาท/เดือน)
- ค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) หมายถึง ค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง ค่าซื้อไฟฟ้าของ กฟผ. และค่าใช้จ่ายตามนโยบายของภาครัฐ ที่เปลี่ยนแปลงไปจากระดับที่กำหนดไว้ในค่าไฟฟ้าพื้นฐาน ค่า Ft จะมีการปรับปรุงทุก ๆ 4 เดือน
- ค่าบริการรายเดือน (Monthly Service Charge) คิดจากการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้แต่ละราย เพื่อนำไปใช้ในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าและอุปกรณ์ต่างๆ
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) คิดจากค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าผันแปร และค่าบริการรายเดือน อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7%
![ค่าไฟแพงเกิดจากสาเหตุอะไร](https://xn--c3ca1fba9ewem0d3b.com/wp-content/uploads/2023/09/ค่าไฟแพงเกิดจากสาเหตุอะไร.png)
ค่าไฟแพงเกิดจากสาเหตุอะไร?
ค่าไฟแพงมีสาเหตุหลักมาจาก 3 ประการ ได้แก่
- ราคาเชื้อเพลิง เชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นเชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และน้ำมัน ซึ่งราคามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ภาวะเงินเฟ้อ และความต้องการเชื้อเพลิงทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น
- ต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าประกอบด้วยค่าเชื้อเพลิง ค่าค่าเสื่อมราคา ค่าซ่อมบำรุง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ต้นทุนการผลิตไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
- โครงสร้างค่าไฟฟ้า โครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบัน กำหนดให้ค่าไฟฟ้าประกอบด้วยค่าไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าผันแปร และค่าบริการรายเดือน ค่าไฟฟ้าผันแปรจะเปลี่ยนแปลงตามต้นทุนเชื้อเพลิงในแต่ละเดือน ดังนั้น เมื่อต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้น ค่าไฟฟ้าผันแปรก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าไฟโดยรวมสูงขึ้น
- ค่า Ft ในช่วงเดือนกันยายน 2566 อยู่ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วย สูงที่สุดในรอบ 10 ปี ส่งผลให้ค่าไฟสำหรับครัวเรือนทั่วไปมีอัตราดังนี้
- ปริมาณการใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 2.3488 บาท
- ปริมาณการใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วยต่อเดือน ค่าไฟฟ้าหน่วยละ 2.9882 บาท
- สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้นเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงในฤดูร้อนซึ่งทำให้มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างหนักทั้ง ตู้เย็น หรือ แอร์ จึงทำให้กินไฟมากกว่าปกติ ถึงแม้ว่าจะใช้งานเท่าเดิมก็ตาม
![วิธีลดค่าไฟแพง](https://xn--c3ca1fba9ewem0d3b.com/wp-content/uploads/2023/09/วิธีลดค่าไฟแพง.png)
วิธีแก้เพื่อลดปัญหาค่าไฟแพง
ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้
- ปิดไฟเมื่อออกจากห้อง เพียงปิดไฟเมื่อออกจากห้อง ก็สามารถประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 5-10%
ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ แม้จะไม่ได้ใช้งาน ก็ยังสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ เพียงปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งาน ก็สามารถประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 10-15%
เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ มักมีฉลากแสดงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Label) ให้เลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากระดับ 5 ดาว เพื่อประหยัดค่าไฟ
เปิดเครื่องปรับอากาศในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม การปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้ต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส จะทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น ควรปรับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 26-28 องศาเซลเซียส
- ล้างเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ การล้างเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประหยัดพลังงาน
ปรับเปลี่ยนการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น
- เลือกใช้หลอดไฟ LED หลอดไฟ LED มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟแบบเดิม และประหยัดพลังงานมากกว่า 80%
- ลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น พยายามลดการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น เช่น ทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเล่นเกมส์ เป็นต้น
- ใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด ไม่ควรใช้ไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลือง เช่น การเปิดไฟทิ้งไว้ทั้งคืน เป็นต้น
ใช้ไฟจากโซล่าเซลล์
- การใช้ไฟจากโซล่าเซลล์ เป็นแนวทางหนึ่งในการลดค่าไฟและประหยัดพลังงาน สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้ในระยะยาว โซล่าเซลล์เป็นอุปกรณ์ที่แปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้า สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง หรือขายคืนให้การไฟฟ้าได้
![ติดโซล่าเซลล์ลดปัญหาค่าไฟแพง](https://xn--c3ca1fba9ewem0d3b.com/wp-content/uploads/2023/09/ติดโซล่าเซลล์ลดปัญหาค่าไฟแพง.png)
วิธีเช็คค่าไฟแพงผิดปกติ
- เปรียบเทียบกับค่าไฟฟ้าเดือนที่ผ่านมา
วิธีแรกคือเปรียบเทียบกับค่าไฟฟ้าเดือนที่ผ่านมา หากพบว่าค่าไฟฟ้าเดือนนี้สูงกว่าเดือนที่ผ่านมามากผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่าค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติ - เปรียบเทียบกับค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของบ้านในละแวกเดียวกัน
สามารถเปรียบเทียบค่าไฟฟ้ากับบ้านในละแวกเดียวกันได้ โดยสอบถามเพื่อนบ้านหรือดูจากข้อมูลของสำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ - ตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าว่ามีการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าหรือไม่
การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าจะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้น โดยสามารถตรวจสอบการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้าได้ด้วยตัวเองโดยใช้ไขควงวัดไฟ - ตรวจสอบมิเตอร์ไฟฟ้าว่าทำงานผิดปกติหรือไม่
หากพบว่ามิเตอร์ไฟฟ้าทำงานผิดปกติ เช่น ตัวเลขบนมิเตอร์ขยับขึ้นเร็วผิดปกติ อาจเป็นไปได้ว่ามิเตอร์ไฟฟ้ามีปัญหา - ร้องเรียนไปยังสำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่
หากพบว่าค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติ สามารถนำหลักฐานไปร้องเรียนไปยังสำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไข
การร้องเรียนเมื่อค่าไฟแพงผิดปกติ
- เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ผ่านเว็บไซต์ http://www.mea.or.th หรือ เบอร์โทรศัพท์ 1130
- จังหวัดอื่น ๆ แจ้งเรื่องผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ผ่านเว็บไซต์ https://complaint.pea.co.th หรือ เบอร์โทรศัพท์ 1129
สรุปเกี่ยวกับค่าไฟแพงเพราะอะไร
ค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมาก การรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า ปัญหาที่เกิดจากมิเตอร์ไฟฟ้า หากพบว่าค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติ ควรตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้เสียค่าไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์ หากพบตัวอย่างค่าไฟฟ้าแพงผิดปกติเหล่านี้ ควรตรวจสอบสาเหตุและดำเนินการแก้ไขอย่างเหมาะสม หรือร้องเรียนไปยังสำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขต่อไป